ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังคงผันผวนสูง ทั้งเรื่องเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยพุ่ง ทำให้นักลงทุนหลายคนเริ่มมองหาสินทรัพย์ที่มั่นคง ทำให้ทองคำอาจเป็นตัวเลือกแรกเสมอเมื่อพูดถึงสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ระยะหลังมานี้ ชื่อที่ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ คือ “แร่เงิน” หรือ Silver เพราะความน่าสนใจของ Silver ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่เป็นเพราะมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและพลังงานสะอาด ซึ่งถือเป็นเมกะเทรนด์ระดับโลกที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด การขยายตัวของอุตสาหกรรมเหล่านี้ทำให้ความต้องการใช้แร่เงินพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ปริมาณการผลิตกลับไม่ได้เพิ่มตามทัน แร่เงินเลยกลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าจับตามองอย่างมากในเชิงการ ลงทุนแร่เงิน ในบทความนี้จจะพาไปดูการลงทุนแร่เงินกัน

แร่เงิน หรือ Silver คืออะไร และทำไมถึงมาแรงแซงโค้ง?
หลายคนอาจคุ้นเคยกับแร่เงินในรูปแบบเครื่องประดับ แต่จริงๆ แล้วแร่เงิน คือวัตถุดิบหลักที่ขาดไม่ได้ในเทคโนโลยีหลายอย่าง เพราะคุณสมบัติเด่นของมันคือ นำไฟฟ้าสูงมาก ทนทาน และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้ดี ซึ่งตัวอย่างการใช้งานที่ทำให้แร่เงิน กลายเป็นแร่แห่งอนาคต เช่น
- แผงโซลาร์เซลล์ เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตไฟฟ้าสะอาด
- แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ใช้ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ควบคุม
- ชิปอิเล็กทรอนิกส์ ในสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ไฮเทค
- อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องมือผ่าตัด
ทำให้ผู้ที่ลงทุนแร่เงิน มีโอกาสรับผลตอบแทนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย สิ่งที่น่าสนใจคือ ในขณะที่ความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ปริมาณแร่เงินที่ผลิตได้กลับเพิ่มขึ้นช้ากว่าทำให้ราคาแร่เงิน มีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาวนั่นเอง

ลงทุนแร่เงิน VS ลงทุนทองคำ : คู่เหมือนที่มีความต่างที่น่าสนใจ
ทั้งแร่เงินและทองคำถูกจัดเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพราะมีมูลค่าในตัวเองและช่วยลดความเสี่ยงในพอร์ตได้ โดยมีจุดร่วมที่เหมือนกัน 3 อย่าง คือ
- สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Asset) เหมาะสำหรับใช้ถือครองเพื่อรักษาหรือเพิ่มมูลค่าในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวนหนัก หรือช่วงที่เกิดภาวะเงินเฟ้อสูง เพราะเงินแท่งเป็นโลหะที่มีมูลค่าในตัวเอง ไม่ลดลงเหมือนเงินสด ทำให้การลงทุนแร่เงิน เป็นตัวเลือกที่ดีในการรักษามูลค่า
- สินทรัพย์ที่จับต้องได้ (Tangible Asset) มีรูปลักษณ์ทางกายภาพและน้ำหนักที่ชัดเจน สร้างความเชื่อมั่นและรู้สึกมั่นคง เพราะเป็นหลักประกันความมั่งคั่งที่นำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
- สินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Asset) จัดอยู่ในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) นอกเหนือจากการลงทุนแบบดั้งเดิมอย่าง หุ้น หรือพันธบัตร
หากถามว่า แล้วทำไมการลงทุนในแร่เงินถึงเหนือกว่าทองคำ คำตอบคือ
- ทองคำ มักจะถูกถือครองเพื่อรักษามูลค่าระยะยาวเป็นหลัก
- แร่เงินนอกจากจะทำหน้าที่เดียวกัน ยังเป็น วัตถุดิบสำคัญ ในอุตสาหกรรม ทำให้ความต้องการใช้ผูกติดกับการเติบโตของเศรษฐกิจและเทคโนโลยีโดยตรง เมื่อโลกยิ่งพัฒนา ราคาแร่เงินก็มีโอกาสพุ่งตามไปได้มากกว่าทองคำในหลายช่วงเวลา
และในปัจจุบันคนเริ่มหันมาลงทุนแร่เงิน มากกว่าทองคำ เพราะปีนี้ (ข้อมูล 20 ต.ค. 2568) ผลตอบแทนของการลงทุนแร่เงินพุ่งแรงกว่า “ทองคำ” ถึง 10.6%

3 วิธี ลงทุนแร่เงิน มีอะไรบ้าง ต่างกันแบบไหนบ้าง?
เมื่อเริ่มเข้าใจความสำคัญและศักยภาพของแร่เงินแล้ว คำถามต่อมาที่หลายคนสนใจคือ “แล้วจะเริ่มลงทุนได้อย่างไร?” เพราะการลงทุนในแร่เงินไม่ได้มีรูปแบบเดียว แต่ละแบบก็ให้ประสบการณ์และระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น ก่อนจะเริ่มลงทุนมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
ถือครองแท่งเงินจริง (Physical Silver)
การลงทุนแร่เงิน แบบดั้งเดิมที่สุด คือการซื้อโลหะเงินที่มีรูปลักษณ์ทางกายภาพ เช่น แท่งเงิน เหรียญเงิน หรือเครื่องประดับ มาเก็บไว้กับตัว
- เหมาะกับใคร : นักลงทุนที่ต้องการ สินทรัพย์ที่จับต้องได้ (Tangible Asset) เพื่อใช้เป็นหลักประกันความมั่งคั่งในระยะยาว และไม่ต้องการความผันผวนจากการซื้อขายรายวัน
- จุดแข็ง : มั่นคงทางใจเพราะมีสินทรัพย์จริงเป็นหลักประกันความมั่งคั่ง และมีอิสระเพราะสามารถนำไปแลกเปลี่ยนหรือขายต่อได้ง่าย
- ข้อควรระวัง : ในประเทศไทยแร่เงินจัดเป็นสินค้าโลหะพาณิชย์ จึงต้องบวก VAT 7% ทำให้ต้นทุนการลงทุนสูงกว่าทองคำ และต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาที่ปลอดภัย เช่น ตู้เซฟ หรือบริการรับฝากด้วย
ลงทุนแบบ Silver ETF (Exchange Traded Fund)
การซื้อผ่านกองทุนรวม หรือ ETF ที่มีนโยบายลงทุนในแร่เงิน โดยตรงถือเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยม
- เหมาะกับใคร : นักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการความสะดวก สภาพคล่องสูง และอยากเริ่มด้วยเงินที่ไม่มากนัก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษา
- จุดแข็ง : ซื้อขายง่ายเหมือนซื้อขายหุ้นทั่วไป และไม่ต้องมีเงินก้อนใหญ่ในการเริ่มต้น และการซื้อผ่านกองทุนจะไม่เสีย VAT ทำให้ต้นทุนเริ่มต้นต่ำกว่าการซื้อแท่งจริง นอกจากนี้ ยังมีผู้จัดการกองทุนจะดูแลการบริหารและจัดเก็บให้อีกด้วย
- ข้อควรระวัง : มีค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการกองทุนที่ต้องจ่ายเป็นรายปี และที่สำคัญต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือและผลการดำเนินงานของกองทุนนั้นๆ
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Silver Futures)
เป็นวิธีการลงทุนแร่เงิน ที่มีความซับซ้อนและใช้เครื่องมืออนุพันธ์ (Derivatives) เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น Silver Futures (สัญญาซื้อขายล่วงหน้า) ในตลาด TFEX
- เหมาะกับใคร : ผู้เชี่ยวชาญหรือนักเก็งกำไรระยะสั้นที่รับความเสี่ยงได้สูงมาก และมีความเข้าใจเรื่องกลไกตลาดอนุพันธ์เป็นอย่างดี
- จุดแข็ง : ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อย แต่สามารถควบคุมสัญญาที่มีมูลค่าสูงได้ ทำให้มีโอกาสทำกำไรสูงมาก และสามารถเก็งกำไรได้ทั้งตอนที่ราคาแร่เงินที่ปรับขึ้นและปรับลง นอกจากนี้ ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ข้อควรระวัง : หากราคาเคลื่อนไหวผิดทาง อาจทำให้ขาดทุนเกินกว่าเงินลงทุนเริ่มต้นได้ เพราะต้องเข้าใจระบบ Margin และ Leverage อย่างลึกซึ้ง และต้องมีการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ที่รัดกุมและต้องมีความรู้เฉพาะทาง
การลงทุนในแร่เงินคือการเปิดประตูโอกาสใหม่
การลงทุนในแร่เงินไม่ได้เข้ามาแทนที่ทองคำ แต่จะเข้ามาเติมเต็มในฐานะ “โอกาสใหม่” สำหรับการสร้างความมั่งคั่ง โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีพลังงานสะอาดและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เติบโตอย่างรวดเร็ว การลงทุนที่ดีจึงไม่ใช่การรีบไล่ราคาหรือทำตามกระแส แต่คือการเข้าใจสินค้า เข้าใจตลาด และเลือกวิธีลงทุนที่เหมาะกับความเสี่ยงและเป้าหมายของคุณมากที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก : Thailand Futures Exchange, บางกอกโกลด์ส, Finnomena, ลงทุนแมน