ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งไม่หยุดและทุกคนต่างมองหาวิธีประหยัดค่าอาหารได้โดยที่สุขภาพยังดีควบคู่กันไป ซึ่งการทำอาหารกินเองที่บ้านได้กลายเป็นทางออกที่น่าสนใจที่สุด! แต่คุณอาจยังคงสงสัยในใจว่าทำอาหารกินเองคุ้มไหม? ทั้งต้องเสียเวลาและดูยุ่งยากกว่าการสั่งเดลิเวอรี่ บทความนี้จะพาคุณมาพิสูจน์ว่าการ ทำกับข้าว เอง ไม่ใช่แค่ประหยัดเงินในกระเป๋าได้จริงเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพ และช่วยให้คุณมีอำนาจในการควบคุมคุณภาพชีวิตของตัวเองได้ 100% อีกด้วย
ทำไม ทำอาหารกินเองที่บ้าน เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าในยุคนี้?
จริงอยู่ที่ว่าการกินข้าวนอกบ้านหรือสั่งเดลิเวอรี่ดูสะดวกกว่า เพราะแค่กดสั่งก็ได้กิน แต่สิ่งที่มักลืมคำนวณคือ “ต้นทุนแฝง” ที่ตามมาทุกมื้อ เช่น ค่าจัดส่ง ค่าบรรจุภัณฑ์ หรือราคาหน้าร้านที่มักสูงกว่าเมื่อต้องสั่งผ่านแอปสั่งอาหารเดลิเวอรี่ ยังไม่นับรวมกับการกินอาหารสำเร็จรูปที่มักมีปริมาณโซเดียมและน้ำมันสูง ซึ่งถ้ากินทุกวันก็อาจกระทบสุขภาพได้ในระยะยาวควบคู่กันไปด้วย
และในขณะที่การทำอาหารกินเองที่บ้าน คุณสามารถควบคุมทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ตั้งแต่วัตถุดิบ รสชาติ ไปจนถึงงบประมาณ ซื้อของครั้งเดียวทำได้หลายมื้อ ใช้ผักและโปรตีนสดใหม่ ปรุงน้อยแต่ได้ประโยชน์เต็มๆ แถมยังได้ความภูมิใจเล็กๆ จากการ “ทำกับข้าว” ด้วยมือเราเองอีกด้วย แต่แน่นอนว่า อาจจะเสียเวลาเพิ่มขึ้นสักหน่อย ดังนั้น เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ลองดูตัวอย่างเมนูยอดฮิตอย่าง “ข้าวกะเพราไก่ + ไข่ดาว” ว่ามีความต่างของราคาในแต่ละมื้อนั้นไม่ได้เล็กน้อยอย่างที่คิด ดังนี้

สั่งข้าวกะเพราไก่ ไข่ดาว นอกบ้าน ราคาเท่าไหร่
- ราคาต่อมื้อเฉลี่ย 70 บาท
- หากกินวันละ 3 มื้อ ตกเดือนละ 6,300 บาท
ถึงแม้ตอนนี้หลายแอปเดลิเวอรี่จะมีส่วนลดค่าส่งหรือโปรโมชั่นอาหาร แต่เมื่อรวมค่าใช้จ่ายรายเดือนจริงๆ แล้ว การกินข้าวนอกบ้านหรือสั่งมาทุกมื้อก็ยังมีต้นทุนสูงกว่า เพราะนอกจากราคาต่อจานแล้ว ยังมีค่าแพ็กเกจจิ้งและค่าบริการเล็กๆ น้อยๆ ที่สะสมจนกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ได้โดยไม่รู้ตัว
ทำกะเพราไก่ไข่ดาวกินเองที่บ้าน
- ข้าว 10 บาท
- เนื้อสัตว์ 15 บาท
- ผัก 5 บาท
- ไข่ไก่ 5 บาท
เมื่อเฉลี่ยต้นทุนต่อมื้ออยู่ที่ประมาณ 35 บาท หากกินวันละ 3 มื้อ จะมีค่าใช้จ่ายราว 3,150 บาทต่อเดือน โดยตัวเลขนี้มาจากการคำนวณต้นทุนวัตถุดิบหลักที่ซื้อในแพ็กขนาดใหญ่และวางแผนทำอาหารล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เป็นเพียงการคำนวณเพื่อเปรียบเทียบเบื้องต้น ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามราคาวัตถุดิบและพฤติกรรมการบริโภคของแต่ละคน

5 เคล็ดลับประหยัดเงินค่าอาหาร ทำกับข้าวกินที่บ้านง่ายๆ
หลายคนอยากเริ่มทำอาหารกินเองแต่กลัวว่าจะยุ่งและเสียเวลาเกินความจำเป็น ความจริงคือ การเข้าครัวไม่จำเป็นต้องวุ่นวายเลย แค่รู้จักวางแผนและใช้เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้คุณสนุกกับการทำอาหารได้ทุกวัน และนี่คือ 5 เคล็ดลับทำอาหารง่ายๆ ที่ทั้งประหยัดเงิน สุขภาพดี และใช้เวลาน้อย เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ ที่อยากดูแลตัวเองโดยไม่ต้องเหนื่อยเกินไป!
Meal Prep ประหยัดเวลาเพราะทำอาหารไว้ทั้งสัปดาห์
Meal Prep คือคำตอบของคนไม่มีเวลา แค่สละเวลา 1-2 ชั่วโมงในวันหยุดเพื่อเตรียมวัตถุดิบ เช่น หั่นผัก และหมักเนื้อ เป็นต้น หลังจากนั้นให้แบ่งวัตถุดิบต่างๆ ใส่กล่องแช่เย็นไว้ล่วงหน้า เพียงเท่านี้คุณก็สามารถทำอาหารกินเองที่บ้านได้ง่าย ๆ ในวันธรรมดาได้ในเวลาไม่ถึง 10 นาที
- ข้อดี : คุมแคลอรี่ได้ง่าย คุมรสชาติได้ด้วย และช่วยลดการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ฉุกเฉิน
- Tip : เพื่อให้ง่ายขึ้นกว่าเดิม คุณสามารถเตรียมข้าวไปพร้อมๆ กับ Meal Prep คือการหุงเอาไว้ก่อน เมื่อจะถึงเวลากินก็นำมาอุ่นร้อน

ทำอาหารกินเองที่บ้านด้วย หม้อทอดไร้น้ำมัน = เพื่อนซี้คนขี้เกียจ
ไอเท็มที่ควรมีติดบ้านสำหรับสายกินของทอด แต่ไม่อยากกินน้ำมันเยอะๆ เพราะหม้อทอดไร้น้ำมัน จะช่วยให้คุณทำอาหารได้หลากหลาย ตั้งแต่ของคาวไปจนถึงของหวานโดยไม่ต้องใช้น้ำมันเยอะ แถมยังล้างทำความสะอาดง่าย ประหยัดทั้งเวลาและสุขภาพไปพร้อมๆ กัน
- ข้อดี : ทำอาหารง่าย ๆ ได้หลายเมนู ประหยัดเวลา และลดการใช้น้ำมัน
- Tip : ใช้กระดาษรองหม้อทอดทุกครั้ง เพื่อให้ล้างทำความสะอาดง่ายและรักษาเครื่องให้มีอายุการใช้งานนานขึ้น
ประหยัดค่าอาหารด้วยการคิดเมนูจากวัตถุดิบที่ซื้อมาแล้ว
วัตถุดิบแต่ละอย่างที่ซื้อมาสามารถนำไปทำอาหารกินเองที่บ้านได้หลายๆ เมนูอยู่แล้ว ซึ่งวิธีการประหยัดค่าอาหารให้คิดไว้ล่วงหน้าเลยว่าอาทิตย์นี้จะกินเมนูอะไรบ้าง เช่น ไข่ไก่ ก็สามารถทำไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ตุ๋น ไข่พะโล้ หรือหมูสามชั้น ก็สามารถทำหมูสามชั้นผัดกะปิ หมูสามชั้นทอดน้ำปลา การวางแผนแบบนี้ช่วยลด food waste ในตู้เย็น และทำให้คุณไม่ต้องหนักใจว่า “วันนี้จะทำอะไรกินดี?” นั่นเอง
- ข้อดี : ประหยัดค่าอาหารที่ซื้อจากร้านค้า หากวางแผนเรื่องเมนูให้ดี
- Tip : ถ้าคิดไม่ออกว่าจะทำเมนูอะไร อาจจะค้นหาคลิปทำอาหารที่ถูกโพสต์ในโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น TikTok, Youtube หรือกลุ่ม Facebook ที่แจกสูตรอาหาร

ช้อปอย่างชาญฉลาดก็ได้ของดีราคาถูก
เพื่อ ประหยัดค่าอาหาร ให้ได้มากที่สุด ควรเลือกซื้อวัตถุดิบช่วงเย็นใกล้ปิดตลาดเพราะของมักลดราคาเกิน 50% หรือเลือกซื้อผักผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งจะสดและมีราคาถูกกว่าปกติ เคล็ดลับประหยัดเงินนี้จะช่วยให้คุณได้ของดีในราคาถูก โดยไม่ต้องลดคุณภาพโภชนาการลงเลย
- ข้อดี : ประหยัดค่าอาหารและได้วัตถุดิบสดใหม่ในราคาย่อมเยา และลดการซื้อเกินจำเป็น
- Tip : ก่อนออกไปช้อป ลองตรวจสอบโปรโมชั่นของซูเปอร์มาร์เก็ตหรือแอปช้อปปิ้งออนไลน์ล่วงหน้า เพราะบางครั้งจะมี “ดีลลดราคาเฉพาะช่วงเวลา” หรือ “คูปองส่วนลด” ที่ทำให้คุณได้วัตถุดิบดีในราคาที่คุ้มยิ่งกว่าเดิม
การทำอาหารเองกินเองคือการลงทุนสุขภาพระยะยาว
อย่ามองว่า การทำอาหารกินเองที่บ้าน เป็นเรื่องยุ่งยากหรือเสียเวลา เพราะแท้จริงแล้วมันคือ “การลงทุนระยะยาว” ที่ให้ผลตอบแทนทั้งสุขภาพและเงินในกระเป๋า เมื่อคุณลงมือ ทำอาหารเองก็จะสามารถควบคุมปริมาณโซเดียม น้ำตาล และไขมันได้ดีกว่าการซื้อกิน ส่งผลให้สุขภาพดีขึ้นในระยะยาว ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง แถมยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านอาหารและค่ารักษาพยาบาลในอนาคตได้อีกด้วย
- ข้อดี : ช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังจากอาหารรสจัดหรือไขมันสูง ทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นและอายุยืนยาวขึ้นในระยะยาว แต่ทั้งนี้ ต้องออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย
- Tip : เริ่มจากการปรับสูตรเมนูที่คุณชอบให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้น เช่น ลดน้ำปลาและน้ำตาลลงครึ่งหนึ่ง หรือเปลี่ยนจากการทอดมาเป็นการอบและต้มแทน เพียงเท่านี้ก็เริ่ม “ลงทุนสุขภาพ” ได้ตั้งแต่ในครัวของคุณเอง

ดูแลสุขภาพจากในครัว จนถึงค่ารักษาด้วย ‘ประกันสุขภาพ’”
แม้การทำอาหารกินเองจะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคที่เกิดจากอาหารมัน เค็ม หรือหวานเกินไป และทำให้เรามีสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว แต่ความจริงคือ “สุขภาพ” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่สิ่งที่เรากินเท่านั้น เพราะอุบัติเหตุหรือโรคร้ายแรงบางอย่างก็อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันตั้งตัว ดังนั้น การวางแผนดูแลสุขภาพควรครอบคลุมทั้ง “ภายในครัว” และ “นอกครัว” ซึ่ง “ประกันสุขภาพ” คืออีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะปกป้องทั้งร่างกายและกระเป๋าสตางค์ของคุณ เพราะค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบันสูงขึ้นทุกปี การมีประกันสุขภาพไว้ตั้งแต่วันนี้จึงเป็นเหมือนการเตรียมพร้อมล่วงหน้า เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า ถ้าเจ็บป่วยขึ้นมา ก็ยังดูแลตัวเองได้เต็มที่ ตัวอย่างประกันสุขภาพ เช่น
- FWD Easy E-Health : ประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาผู้ป่วยใน (IPD) แบบไม่จำกัดค่ารักษาต่อครั้ง สูงสุดถึง 1.5 ล้านบาทต่อปี และสามารถเพิ่มความคุ้มครองผู้ป่วยนอก (OPD) ได้ตามต้องการ เหมาะกับคนที่อยากเลือกโรงพยาบาลและแพทย์เองโดยไม่ต้องสำรองจ่าย เมื่อเข้ารับการรักษาในเครือข่ายกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ ซื้อออนไลน์ได้ทันทีโดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ พร้อมส่วนลดเบี้ยประกัน 10% หากไม่มีการเคลมในปีนั้น และยังสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ โดยเบี้ยประกันสุขภาพลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท ตามเกณฑ์กรมสรรพากร (หรือรวมสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท หากมีแผนความคุ้มครองชีวิตร่วมด้วย)
- AXA SmartCare Executive : หนึ่งในบริษัทประกันที่มีเครือข่ายโรงพยาบาลมากที่สุดในประเทศไทย ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งแบบผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) รวมถึงกรณีโรคร้ายแรง เช่น การล้างไตจากภาวะไตวายเรื้อรัง และการรักษามะเร็ง ครอบคลุมถึงอุบัติเหตุฉุกเฉิน การสูญเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ พร้อมค่าชดเชยจัดการงานศพ และสามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาท
- Prudential PRUMhaoMhao Double Sure : ประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่ไม่ต้องตรวจสุขภาพก่อนสมัคร คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลตามจริงสูงสุด 1,000,000 บาทต่อปี เลือกแผนและวงเงินคุ้มครองได้ตามความต้องการ พร้อมทางเลือกในการร่วมรับผิดชอบค่ารักษา (Deductible) เพื่อช่วยลดค่าเบี้ยประกันภัย ค่าเบี้ยเริ่มต้นเพียง 15 บาทต่อวัน สามารถเพิ่มความคุ้มครองผู้ป่วยนอก (OPD) โรคมะเร็ง หรือค่าชดเชยรายได้ขณะพักรักษาตัวได้อีกด้วย หากไม่มีการเคลมติดต่อกัน 2 ปี รับส่วนลดค่าเบี้ย 10% ในปีถัดไป ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาท
- Krungthai-AXA iHealthy Ultra : ประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่เลือกวงเงินคุ้มครองได้ตั้งแต่ 3-100 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุมทั้ง IPD, OPD และโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง หรือต้องล้างไต พร้อมขยายความคุ้มครองทั่วโลก รองรับอายุ 6-80 ปี และต่ออายุได้ถึง 99 ปี อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
*ควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจสมัครทำประกันภัย
*สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด
ทำอาหารกินเองที่บ้าน จุดเริ่มต้นของสุขภาพดีและการเงินที่มั่นคง
การ “ทำอาหารกินเองที่บ้าน” ไม่ใช่แค่เรื่องของการประหยัดเงิน แต่คือการสร้างพื้นฐานชีวิตที่แข็งแรงทั้งด้านสุขภาพและการเงิน เพราะทุกครั้งที่เลือกวัตถุดิบ คุมโภชนาการ และกำหนดงบได้เอง เท่ากับกำลังลงทุนในตัวเองในระยะยาว เมื่อมีวินัยการกินและมี “ประกันสุขภาพ” เป็นตัวช่วยจัดการความเสี่ยงในอนาคต ก็ยิ่งทำให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจว่าไม่ต้องกังวลว่าเรื่องป่วยจะมาเบรกแพลนชีวิต