ในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวนสูง การรักษาวินัยทางการเงินและการเลือกแหล่งออมเงินที่ “ปลอดภัย เงินต้นไม่หาย” ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่นักออมทุกคนให้ความสนใจ หนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานก็คือ “สลากออมทรัพย์ (Savings Bonds)” เพราะนอกจากจะได้รับดอกเบี้ยที่มั่นคงแล้ว ยังได้ลุ้นโชครางวัลใหญ่เป็นประจำทุกเดือนอีกด้วย ปี 2568 นี้ ธนาคารต่างๆ ก็ยังคงออกสลากรุ่นใหม่ ที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง จนเกิดคำถามในทุกๆ ปีที่มีขายว่า ซื้อสลากออมทรัพย์ที่ไหนดี 2568? เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกสลากที่ตอบโจทย์เป้าหมายการเงินของคุณที่สุด ต้องอ่านบทความนี้เลย

สลากออมทรัพย์คืออะไร ทำไมคนถึงนิยมซื้อเอาไว้?
สลากออมทรัพย์คือการ “ฝากเงินในรูปแบบพิเศษ” ที่เป็นการผสมผสานระหว่างเงินฝากประจำเข้ากับ สลากลุ้นรางวัล หลักการคือเงินต้นที่คุณฝากจะยังอยู่ครบถ้วน โดยผู้ฝากจะได้รับสิทธิ์ในการลุ้นรับรางวัลใหญ่ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดทุกเดือน และเมื่อถือสลากจนครบกำหนดระยะเวลา ก็จะได้รับดอกเบี้ยตามที่ระบุไว้ โดยจุดเด่นที่ทำให้สลากออมทรัพย์เป็นที่นิยมคือ
- เงินต้นไม่หายแน่นอน หากถือครบกำหนด คุณจะได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน
- ได้ดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทนที่มั่นคง แม้จะไม่สูงเท่าการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็ดีกว่าการฝากเงินออมทรัพย์ทั่วไป
- ลุ้นรางวัลใหญ่ได้ทุกเดือน เพราะมีโอกาสในการถูกรางวัลตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักสิบล้าน เป็นแรงจูงใจที่สร้างความตื่นเต้นให้กับการออม
- สร้างวินัยการออม: เป็นการออมเงินที่มีวินัยและสนุกไปพร้อมกัน
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสลากออมทรัพย์ถึงยังได้รับความนิยมต่อเนื่องจากคนไทยทุกยุคทุกสมัย

ซื้อสลากออมทรัพย์ที่ไหนดี 2568 กับ 3 ธนาคารยอดนิยม
ในปี 2568 นี้ ตลาดสลากออมทรัพย์ยังคงคึกคัก โดยเฉพาะ 3 ธนาคารหลักที่ขึ้นชื่อเรื่องความมั่นคงและผลตอบแทนที่น่าสนใจ ได้แก่ ออมสิน ธ.ก.ส. และ ธอส. ซึ่งต่างก็ออกรุ่นเรือธงที่มาพร้อมจุดขายที่แตกต่างกัน FINSTREET จึงได้รวบรวมข้อมูลล่าสุดจากผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของทั้ง 3 แห่ง มาเปรียบเทียบทุกมิติ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าปีนี้ควร “ซื้อสลากออมทรัพย์ที่ไหนดี ปี 2568”
ธนาคารออมสิน : สลากออมสินพิเศษ 2 ปี
ธนาคารออมสิน ยังคงครองแชมป์เรื่องรางวัลใหญ่ โดยสลากออมสินพิเศษ 2 ปี เป็นตัวเลือกสำหรับนักออมที่อยากได้โอกาสลุ้นเงิน 30 ล้านบาททุกเดือน ในราคาเริ่มต้นที่จับต้องได้ โดยมีรายละเอียดคือ
- อายุสลาก : 2 ปี โดยสามารถลุ้นรางวัลได้ 24 ครั้ง
- ราคาต่อหน่วย : 100 บาท
- ฝากขั้นต่ำ : 100 บาท (1 หน่วย)
- ดอกเบี้ย : ฝากครบ 2 ปี ได้รับ 0.45% ต่อปี
- รางวัล โดยจะแบ่งออกเป็น
- รางวัลที่ 1 = 30 ล้านบาท
- รางวัลที่ 2 = 1 ล้านบาท
- รางวัลที่ 3 = 10,000 บาท
- รางวัลที่ 4 = 3,000 บาท
- รางวัลที่ 5 = 1,000 บาท
- รางวัลเลขท้าย 4 ตัว = 600 บาท
- จำนวนฝากขั้นต่ำเพื่อถูกรางวัลทุกงวด : 1 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งจะมีโอกาสถูกเลขท้าย 4 ตัวทุกงวด
- วันที่ออกรางวัล : ทุกวันที่ 1 ของเดือน (ยกเว้น มกราคม ออกวันที่ 30 ธ.ค. และ พฤษภาคม ออกรางวัลวันที่ 2 พ.ค.)
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร : สลากออมทรัพย์ มังกรหยก
ธ.ก.ส. (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) มุ่งเน้นการเพิ่มโอกาสในการถูกรางวัลอย่างสม่ำเสมอ สลากออมทรัพย์ มังกรหยก จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการความมั่นคงและผลตอบแทนขั้นต่ำที่ค่อนข้างแน่นอน หากลงทุนในก้อนที่เหมาะสม โดยมีรายละเอียดคือ
- อายุสลาก : 2 ปี โดยสามารถลุ้นรางวัลได้ 24 ครั้ง
- ราคาต่อหน่วย : 100 บาท
- ฝากขั้นต่ำ : 100 บาท (1 หน่วย)
- ดอกเบี้ย : ฝากครบ 2 ปี ได้ 0.20% ต่อปี
- รางวัล โดยจะแบ่งออกเป็น
- รางวัลที่ 1 เสี่ยงหมวด = 10 ล้านบาท
- รางวัลที่ 1 ต่างหมวด = 10,000 บาท
- รางวัลที่ 2 = 5,000 บาท
- รางวัลที่ 3 = 2,500 บาท
- รางวัลเลขท้าย 4 ตัว = 600 บาท
- รางวัลเลขท้าย 3 ตัว = 10 บาท
- จำนวนฝากขั้นต่ำเพื่อถูกรางวัลทุกงวด : 1 แสนบาทขึ้นไป มีโอกาสถูกเลขท้าย 3 ตัวทุกงวด
- วันที่ออกรางวัล : ทุกวันที่ 16 ของเดือน (ยกเว้นมกราคมจะเป็นวันที่17)
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ : สลากออมทรัพย์ นาคราช 2
ธอส. (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) ตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนที่สามารถออมเงินก้อนใหญ่ได้ โดยมอบผลตอบแทนขั้นต่ำที่โดดเด่นที่สุดในบรรดา 3 ธนาคาร เมื่อถือ สลากออมทรัพย์ นาคราช 2 ครบกำหนด 3 ปี โดยมีรายละเอียด คือ
- อายุสลาก : 3 ปี โดยสามารถลุ้นรางวัลได้ 36 ครั้ง
- ราคาต่อหน่วย : 1,000 บาท
- ฝากขั้นต่ำ : 1,000 บาท (1 หน่วย)
- ดอกเบี้ย : ฝากครบ 3 ปี ได้ 0.75% ต่อปี
- รางวัล โดยจะแบ่งออกเป็น
- รางวัลที่ 1 = 3 ล้านบาท
- รางวัลที่ 2 = 50,000 บาท
- รางวัลที่ 3 = 5,000 บาท
- รางวัลเลขท้าย 3 ตัว = 100 บาท
- รางวัลเลขท้าย 2 ตัว = 30 บาท
- รางวัลเลขท้าย 2 ตัว ของรางวัลที่ 1 = 30 บาท
- จำนวนฝากขั้นต่ำเพื่อถูกรางวัลทุกงวด : 1 แสนบาทขึ้นไป มีโอกาสถูกเลขท้าย 2 ตัวทุกงวด และ 1 ล้านบาทขึ้นไป หากถูกรางวัลเลขท้าย 3 ตัว รางวัลเลขท้าย 2 ตัว และรางวัลเลขท้าย 2 ตัวของรางวัลที่ 1 ทุกงวด
- วันที่ออกรางวัล : ทุกวันที่ 16 ของเดือน (ยกเว้นมกราคมจะเป็นวันที่17)
หมายเหตุ : สลากออมทรัพย์ “นาคราช 2” ของธนาคารอาคารสงเคราะห์สิ้นสุดระยะเวลาการจำหน่ายแล้ว (สำรวจ ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2568) เนื่องจากสลากออมทรัพย์ของแต่ละธนาคารมักออกเป็น “รุ่น” ที่มีระยะเวลาและเงื่อนไขจำกัด เมื่อครบกำหนดการจำหน่าย ธนาคารอาจออกผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงหรือแตกต่างกันไป ข้อมูลนี้จึงนำเสนอเพื่อใช้ในการศึกษาและเปรียบเทียบเท่านั้น

ซื้อสลากออมทรัพย์แบบไหนดี เลือกยังไงให้เหมาะกับเป้าหมาย
เมื่อเปรียบเทียบรายละเอียดของสลากออมทรัพย์แต่ละรุ่นแล้ว จะเห็นได้ว่าไม่มีสลากใดที่ดีที่สุด แต่มีเพียงสลากที่ “เหมาะสมที่สุด” กับเป้าหมายการเงินของคุณเท่านั้น การตัดสินใจจึงควรพิจารณาจากสิ่งที่คุณต้องการเป็นหลัก โดย FINSTREET จะยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้น ดังนี้
- อยากลุ้นรางวัลใหญ่ที่สุด : หากเป้าหมายหลักคือการคว้าเงินรางวัลก้อนโต เช่น 30 ล้านบาท) โดยไม่ติดเรื่องอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานมากนัก ก็ควรเลือกสลากออมสินพิเศษ 2 ปี
- อยากฝากไม่มากแต่ได้การันตีถูกรางวัลเลขท้าย : ต้องการความสม่ำเสมอในการถูกรางวัลเลขท้าย 3 ตัวทุกเดือนในงบประมาณเริ่มต้นที่ไม่สูง ก็ควรเลือก สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. มังกรหยก
- อยากลงทุนก้อนใหญ่พร้อมผลตอบแทนขั้นต่ำที่ชัดเจน : หากมีเงินลงทุนตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป และต้องการผลตอบแทนขั้นต่ำที่สูงที่สุดเมื่อถือครบกำหนด เลือกสลากออมทรัพย์ ธอส. นาคราช 2
ข้อควรรู้และข้อควรระวังก่อนตัดสินใจซื้อสลากออมทรัพย์
สลากออมทรัพย์เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีความปลอดภัยสูง แต่ก็มีรายละเอียดและเงื่อนไขบางอย่างที่นักออมไม่ควรมองข้าม การทำความเข้าใจ “ข้อควรสังเกต” เหล่านี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้
- อัตราดอกเบี้ยพื้นฐานไม่สูง : อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารจ่ายตามหน้าสลากโดยทั่วไปนั้น ต่ำกว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำอื่นๆ หรือผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า สาเหตุที่คนยังนิยมซื้อสลากจึงมักอยู่ที่ “โอกาสในการลุ้นรางวัล” เป็นหลัก
- สภาพคล่องต่ำกว่าเงินฝากออมทรัพย์ : สลากออมทรัพย์มีระยะเวลากำหนด เช่น 2 ปี หรือ 3 ปี หากคุณจำเป็นต้อง ไถ่ถอนก่อนครบกำหนด อาจไม่ได้รับดอกเบี้ยเลย หรือถูกหักค่าธรรมเนียม/ส่วนลดตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ทำให้เงินต้นที่คุณได้คืนไม่เต็มจำนวน
- โอกาสถูกรางวัลใหญ่ต่ำมาก : แม้รางวัลที่ 1 จะมีมูลค่าสูงหลายล้านบาท แต่ความน่าจะเป็นที่คุณจะถูกรางวัลใหญ่ยังถือว่า ต่ำมาก การคาดหวังผลตอบแทนจากการถูกรางวัลใหญ่จึงไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมในการวางแผนการเงิน
- เงินต้นถูกล็อกไว้ตามระยะเวลา : สลากออมทรัพย์เป็นทางเลือกที่เหมาะกับการออมเงินที่ ไม่จำเป็นต้องใช้ในระยะสั้นเช่น ภายใน 2-3 ปี เพราะหากถอนออกมาก่อนกำหนด ผลตอบแทนที่ได้จะลดลงอย่างมาก
- อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงต้องรวมโอกาสถูกรางวัลเล็กด้วย : หากต้องการประเมินความคุ้มค่าของการซื้อสลากที่แม่นยำ ควรคำนวณอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่รวมทั้งดอกเบี้ยและเงินรางวัลเลขท้าย ที่คุณการันตีว่าจะได้รับด้วย
‘สลากออมทรัพย์’ ทางเลือกออมเงินที่ทั้งปลอดภัยและได้ลุ้น
สุดท้ายนี้ สลากออมทรัพย์ก็ยังคงเป็นหนึ่งในทางเลือกการออมที่น่าสนใจในปี 2568 สำหรับคนที่อยากเก็บเงินต้นให้ปลอดภัย ได้ดอกเบี้ยเสริม ซึ่งการซื้อสลากออมทรัพย์ก็จะไม่ใช่แค่การออมเงินธรรมดา แต่เป็นการเพิ่มโอกาสและความสนุกให้กับการวางแผนการเงินในทุกเดือนด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : ธนาคารออมสิน, Forbes Thailand, GHBANK, ธนาคารกรุงศรี, ธนาคารกสิกร